วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
จำนวนจริง
มีหลักเกณฑ์ในการแบ่งจำนวนจริงอยู่หลายเกณฑ์
เช่น จำนวนตรรกยะ หรือ จำนวนอตรรกยะ; จำนวนพีชคณิต (algebraic number) หรือ จำนวนอดิศัย; และ จำนวนบวก จำนวนลบ หรือ ศูนย์
การให้เหตุผลแบบนิรนัย
การให้เหตุผลแบบนิรนัยเป็นการนำความรู้พื้นฐานซึ่งอาจเป็นความเชื่อ
ข้อตกลง กฎ หรือบทนิยาม ซึ่งเป็นสิ่งที่รู้มาก่อน
และยอมรับว่าเป็นความจริงเพื่อหาเหตุผลนำไปสู่ข้อสรุป
เป็นการอ้างเหตุผลที่มีข้อสรุปตามเนื้อหาสาระที่อยู่ภายในขอบเขตของข้ออ้างที่กำหนด
การให้เหตุผลแบบอุปนัย
การให้เหตุผลแบบอุปนัย เป็นวิธีการสรุปผลมาจากการค้นหาความจริงจากการสังเกตหรือการทดลองหลายครั้งจากกรณีย่อยๆ
แล้วนำมาสรุปเป็นความรู้แบบทั่วไป
การหาข้อสรุปหรือความจริงโดยใช้วิธีการให้เหตุผลแบบอุปนัยนั้น ไม่จำเป็นต้องถูกต้องทุกครั้ง เนื่องจากการให้เหตุผลแบบอุปนัยเป็นการสรุปผลเกิดจากหลักฐานข้อเท็จจริงที่มีอยู่ ดังนั้น
สับเซต และ เพาเวอร์เซต
สมบัติของสับเซต
1) A ⊂ A (เซตทุกเซตเป็นสับเซตของตัวมันเอง)2) A ⊂ U (เซตทุกเซตเป็นสับเซตของเอกภพสัมพัทธ์)
เอกภพสัมพัทธ์
เอกภพสัมพัทธ์
เอกภพสัมพัทธ์ คือ เซตที่ถูกกำหนดขึ้นโดยมีข้อตกลงว่า จะกล่าวถึงสิ่งที่เป็นสมาชิกของเซตนี้เท่านั้น จะไม่กล่าวถึงสิ่งอื่นใดที่ไม่เป็นสมาชิกของเซตนี้ โดยทั่วไปจะใช้สัญลักษณ์ แทนเซตที่เป็นเอกภพสัมพัทธ์
เอกภพสัมพัทธ์ คือ เซตที่ถูกกำหนดขึ้นโดยมีข้อตกลงว่า จะกล่าวถึงสิ่งที่เป็นสมาชิกของเซตนี้เท่านั้น จะไม่กล่าวถึงสิ่งอื่นใดที่ไม่เป็นสมาชิกของเซตนี้ โดยทั่วไปจะใช้สัญลักษณ์ แทนเซตที่เป็นเอกภพสัมพัทธ์
เซต
ใช้แทนกลุ่มของคน,สัตว์,สิ่งของ
หรือสิ่งที่เราสนใจ เราใช้เครื่องหมายปีกกา“{ } ”
แสดงความเป็นเซต และสิ่งที่อยู่ภายในปีกกา เราเรียกสมาชิกของเซต
เซตที่เท่ากัน เซต 2 เซตจะเท่ากันก็ต่อเมื่อจำนวนสมาชิกและสมาชิกของทั้ง 2 เซต เหมือนกันทุกตัว
แสดงความเป็นเซต และสิ่งที่อยู่ภายในปีกกา เราเรียกสมาชิกของเซต
เซตที่เท่ากัน เซต 2 เซตจะเท่ากันก็ต่อเมื่อจำนวนสมาชิกและสมาชิกของทั้ง 2 เซต เหมือนกันทุกตัว
โดเมนและเรนจ์
โดเมนและเรนจ์ของความสัมพันธ์
โดเมนและเรนจ์ของความสัมพันธ์(Domain and Range)
}(1, 2), (4, 5), (3, 8), (6, 12){ให้r1 =
เรียกเซตนีÊว่า โดเมน (Domain) ของ r1}1, 3, 4, 6{เซตของสมาชิกตัวหน้าในคู่อันดับ r1 คือ
เรียกเซตนีÊว่า เรนจ์(Range) ของ r1}2, 5, 8, 12{เซตของสมาชิกตัวหลังในคู่อันดับ r1 คือ
บทนิ ยาม ให้ r เป็นความสัมพันธ์จาก A ไป B
โดเมนและเรนจ์ของความสัมพันธ์(Domain and Range)
}(1, 2), (4, 5), (3, 8), (6, 12){ให้r1 =
เรียกเซตนีÊว่า โดเมน (Domain) ของ r1}1, 3, 4, 6{เซตของสมาชิกตัวหน้าในคู่อันดับ r1 คือ
เรียกเซตนีÊว่า เรนจ์(Range) ของ r1}2, 5, 8, 12{เซตของสมาชิกตัวหลังในคู่อันดับ r1 คือ
บทนิ ยาม ให้ r เป็นความสัมพันธ์จาก A ไป B
กราฟของฟังก์ชันกําลังสอง
ฟังก์ชันกำลังสอง คือ ฟังก์ชันที่อยู่ในรูป เมื่อ a,b,c เป็นจำนวนจริงใดๆ
และ ลักษณะของกราฟของฟังก์ชันนี้ขึ้นอยู่กับค่าของ a
, b และ c และเมื่อค่าของ a เป็นบวกหรือลบ
จะทำให้ได้กราฟเป็นเส้นโค้งหงายหรือคว่ำ
ดังรูป
ฟังก์ชัน
ในคณิตศาสตร์ ฟังก์ชัน คือ ความสัมพันธ์ จาก เซต หนึ่ง (โดเมน) ไปยังอีกเซตหนึ่ง (โคโดเมนไม่ใช่ เรนจ์) โดยที่สมาชิกตัวหน้าไม่ซ้ำกัน
ความคิดรวบยอดของฟังก์ชันนี้เป็นพื้นฐานของทุกสาขาของคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เชิงปริมาณ
ค่าสัมบูรณ์ของจํานวนจริง
สมบัติของการไม่เท่ากัน
กำหนดให้ a, b, c เป็นจำนวนจริงใดๆ |
1. สมบัติการถ่ายทอด ถ้า a > b และ b > c แล้ว a > c |
2. สมบัติการบวกด้วยจำนวนที่เท่ากัน ถ้า a
> b แล้ว a + c > b+ c
|
สมบัติของการไม่เท่ากัน
|
พหุนาม
พหุนาม คือ
นิพจน์สามารถเขียนในรูปเอกนามหรือสามารถเขียนในรูปการบวกของเอกนามตั้ง
แต่สองเอกนามขึ้นไป |
การแยกตัวประกอบของพหุนาม
|
การแยกตัวประกอบของพหุนาม คือ
การเขียนพหุนามนั้นในรูปของการคูณของพหุนามที่มีดีกรี
|
พหุนาม คือ
นิพจน์สามารถเขียนในรูปเอกนามหรือสามารถเขียนในรูปการบวกของเอกนามตั้ง
แต่สองเอกนามขึ้นไป |
การแยกตัวประกอบของพหุนาม
|
การแยกตัวประกอบของพหุนาม คือ
การเขียนพหุนามนั้นในรูปของการคูณของพหุนามที่มีดีกรี
|
การเท่ากันในระบบจํานวน
กำหนด a, b, c เป็นจำนวนจริงใดๆ
|
1. สมบัติการสะท้อน a = a
|
2. สมบัติการสมมาตร ถ้า
a = b แล้ว b = a
|
3. สมบัติการถ่ายทอด ถ้า
a = b และ b = c แล้ว
a = c
|
4. สมบัติการบวกด้วยจำนวนที่เท่ากัน ถ้า
a = b แล้ว a + c = b + c
|
5. สมบัติการคูณด้วยจำนวนที่เท่ากัน ถ้า
a = b แล้ว ac = bc
|
สมบัติการบวก ลบ คูณ หาร จํานวนจริง
สมบัติของจำนวนจริง คือ การนำจำนวนจริงใด ๆ มากระทำต่อกันในลักษณะ
เช่น
การบวก การลบ การคูณ การหาร หรือกระทำด้วยลักษณะพิเศษที่กำหนดขึ้น
แล้วมีผลลัพธ์ที่
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)